Thursday, 21 March 2013

แผนร้ายพ่ายรัก วันที่ 21 มีนาคม 2556

“มีสติก่อนได้มั้ย ผมไม่ใช่โจรปล้นสวาท แต่ผมคือ....” “คือโจรปล้นฆ่าชิงทรัพย์ หั่นศพอำพรางคดีด้วยงั้นเหรอ!!! อ๊ายยย!!! ช่วยด้วยค่า ช่วยด้วย!!” เขมมิกคิดไปเองทั้งนั้น ก่อนจะออกตัววิ่งหนี พิแสงปวดหัวตึบกับความตื่นตระหนกของหญิงสาว รีบวิ่งตามไปคว้าตัวไว้ เขมมิกได้แต่โวยวายร้องขอความช่วยเหลือ พิแสงเอามืออุดปากพลางลากตัวเธอมาที่รถ “มานี่เลย ตื่นตูมเข้าไป ไร้สติ ฉันจะ ฆ่าเธอ” เขมมิกตาเหลือก ด้วยความกลัวเธอพยายามดิ้นรนจนหลุด แล้ววิ่งหนีหายไปในป่าข้างทางอีก...แม้ว่าเขมมิกจะหนีไปทางไหน เธอก็หนีเขาไม่พ้น ในที่สุดก็ถูกพิแสงจับได้ ต่างฝ่ายต่างก็เหนื่อยอ่อนและหมดแรง เสียหลักเซล้มทับกัน จนปากประกบปากกันโดยไม่ตั้งตัว ต่างฝ่ายต่างอึ้ง “กรี๊ดดดด!!! ฉันถูกจูบ!!” เขมมิกผลักพิแสงออกแล้วโวยลั่น พิแสงปวดหูมากร้องโอ๊ย แล้วเหลือบไปเห็นกิ่งไม้แห้ง ก็คิดว่างู “เฮ้ย!!! งู!!” เขมมิกตาโตตกใจ กระโดดไปนั่งทับพิแสง พร้อมทั้งกอดคอ หลับหูหลับตาร้องกรี๊ดดดดดด “อ้าว..ไม่ใช่ กิ่งไม้!” พิแสงบอก พอรู้ว่าไม่ใช่งู เขมมิกโกรธมากกัดหูพิแสงอย่างแรง พิแสงทนไม่ไหวโยนเขมมิกออกไป เขมมิกไม่ยอมแพ้ตะกุยใบไม้กิ่งไม้ที่อยู่ใกล้มือปาใส่ พิแสง แล้วรีบวิ่งหนีไป พิแสงตามไปด้วยความอ่อนแรง เขมมิกวิ่งมาจากป่าข้างทางอย่างอ่อนแรงแทบจะคลานอยู่ริมถนน พิแสงย่างสามขุมเข้าหาโดยที่ตัวเองเหนื่อยหอบเหมือนกัน เขมมิกก็ตัดสินใจคุกเข่าอ้อนวอน “นาย...ฉันขอร้องล่ะนะ อยากจะทำอะไรฉันก็ได้ ฉันไม่ว่า แต่ฉันขออย่างนึง” “ขออะไร!” “ขอฉันเปลี่ยนกระโปรงก่อนได้มั้ย ก่อนที่มันจะขาดรุ่งริ่งมากไปกว่านี้...คือฉันยืมกระโปรงตัวนี้มาจากเพื่อน ดูสิ...เยินหมดแล้ว เดี๋ยวเพื่อนฉันด่า” พิแสงมองกระโปรงแดงของเขมมิกที่ตะเข็บขาดทั้งสองข้าง เสื้อก็หลุดลุ่ย “ฉันเปลี่ยนไม่นานหรอก ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที กระโปรงอยู่ในรถ จะให้ฉันเปลี่ยนไปนุ่งอะไรดี กางเกงเอวสูงมะ แต่...ไม่ดีอ่ะ ลำบาก งั้นกระโปรงเหอะ ใส่ง่ายถอดง่าย” “พอแล้ว! ไม่ต้องเปลี่ยน!” “นี่นายไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่กำลังจะถูกตัดเพื่อนเลยใช่มั้ย เพื่อนฉันหวงกระโปรงตัวนี้มาก อย่าให้มันเยินมากไปกว่านี้เลย ขอร้อง”เขมมิกร้องไห้บีบน้ำตา พิแสงเดินเข้าไปจับหน้าเขมมิกเงยขึ้นมา “อย่า อย่าทำฉันเลย ถึงฉันจะสวย แต่ฉันไม่อร่อย!”เขมมิกตกใจร้องโวยวาย พิแสงถอนใจอย่างเอือมระอา แล้วยื่นหน้าตัวเองให้โดนไฟถนนส่อง “มองหน้าฉันชัด ๆ !” เขมมิกหลับตาปี๋ไม่กล้ามอง “บอกให้มอง!” พิแสงสั่งเสียงเข้ม เขมมิกจำใจมองหน้าพิแสงแล้วก็อึ้งไป “ฉันคือ พิแสง ไม่ใช่โจรอย่างที่เธอคิด ยัยผีกระเป๋าลาก” “ผีกระเป๋าลาก...คนที่เรียกฉันอย่างนี้มีอยู่คนเดียว...นายพิแสง!” “เออ!”พิแสงตอบเสียงห้วน ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ พิแสงพาเขมมิกมาบ้านพักในสภาพที่ยับเยินทั้งคู่ เขาให้ชมพู่พาเขมมิกไปห้องพักที่อยู่อีกด้านหนึ่ง...เขมมิกเก็บข้าวของเสร็จ ไม่นานก็หลับสนิท และกรนเสียงดัง จนพิแสงที่อยู่ห้องข้าง ๆ ได้ยิน “ผู้หญิงอะไรวะ สวยซะเปล่า แต่กรนดังชิบเป๋ง...” พิแสงหลุดขำออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปเห็นปุ๊กลุ๊กวิ่งมาหา “ตามมาทำไม ไปนอนได้แล้ว ปุ๊กลุ๊ก” ปุ๊กลุ๊กวิ่งหนี พิแสงวิ่งตามพลางเรียกชื่อปุ๊กลุ๊ก ๆ เขมมิกได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตน ถึงกับสะดุ้งตื่น “ใครเรียกชื่อเรา” เขมมิกวิ่งไปเปิดประตูห้อง แล้วชะโงกหน้ามองออกไปเพื่อหาต้นตอของเสียง แต่ก็ไม่เห็นใคร “ไม่มี!...ฝันเหรอ...แต่...เสียงเหมือนตาพิแสง...โอย...หลอน!!” เขมมิกปิดประตูแล้วกลับมาล้มตัวลงนอนอีกครั้ง วันรุ่งขึ้น อนงค์กับวาศิณีมาหาพิแสงที่บ้านพัก อนงค์เสนอตัวมาดูแลเรื่องอาหารให้พิแสง โดยอ้างว่ามีหลานสาวของธรรมศักดิ์มาอยู่ด้วย พิแสงไม่ปฏิเสธ เพราะขี้เกียจคุยด้วยจึงรีบลุกออกไป แล้วให้ชมพู่ไปตามเขมมิกมาพบ อนงค์ได้ทีให้ร้ายทันที เพราะคิดว่าเขมมิกยังไม่ตื่น “เป็นผู้หญิงแต่ตื่นสายเนี่ย แม่บอกว่า...คงหาสามียาก” วาศิณีพูด “ยัยนั่น...ต่อให้ตื่นเช้า ก็คงหาสามีไม่ได้” พิแสงบอก “ทำไมล่ะคะ...ดูท่าทางนายหัวไม่ชอบหลานคุณธรรมศักดิ์คนนี้เลยนะคะ” “ไม่ชอบมาก!” พูดจบพิแสงก็ชะงักแล้วตะลึงตาค้าง วาศิณีมองตามเห็นเขมมิกในชุดสุดเซ็กซี่ หน้าผมเป๊ะราวกับหลุดมาจากแคตวอล์ก เยื้องย่างอย่างมีจริตเข้ามาหา วาศิณีเพ่งมอง แล้วก็จำได้ “ผู้หญิงคนนั้น...ที่งานแต่งงาน” “เขมมิก...” “เขมมิกเหรอ...”วาศินีเหวอไป วาศิณีเห็นพิแสงจ้องเขมมิกแล้วไม่พอใจ ขณะที่พิแสงยังคงตะลึงในความสวยของเขมมิก เขมมิกยิ้มย่องเพิ่มจริตในการเดินมากขึ้น ส่งสายตาหวานเฉิ่มมาที่พิแสงเต็มพิกัด พิแสงได้สติทำเป็นโวยใส่ “แหม...ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลย เหรอคะ” “ใช่...” “อยากรู้จัง...ทำไมน้า” “จะมาฝึกงานหรือมาเดินแบบ แต่งตัวไม่รู้จักกาลเทศะ!” เขมมิกจ๋อย “อ้าว...” “ทำไม รับไม่ได้เรอะ คิดว่าผู้ชายทุกคนที่เห็นเธอแต่งตัวเว่อร์อย่างนี้ แล้วต้องหลงเสน่ห์เธอทุกคนหรือไง คิดผิดแล้ว เขมมิก มานี่เลย!!” พิแสงลากตัวเขมมิกไปทางหนึ่ง “จะพาฉันไปไหน!” “เดี๋ยวก็รู้!” อนงค์และวาศิณีเดินเข้ามาเห็นพิแสงกำลังจูงมือเขมมิกไป “ว้าย แป๊บเดียวเอง จูงมือกันไปแล้ว อ่ะ” วาศิณีไม่พอใจ “แกแน่ใจนะ ว่าเป็นคน ๆ เดียวกันกับแฟนเก่าแฟนคุณสิณี” อนงค์ถาม “ร้อยเปอร์เซ็นต์” “ฉันว่า...ฉันได้กลิ่นตุ ๆ” “ก็กลิ่นขี้หมูไงแม่” “ฉันหมายถึง จากผู้หญิงคนนั้น มันดูบังเอิญเกินไปหรือเปล่า” อนงค์ไม่ไว้ใจการมาถึงของเขมมิก ในขณะที่วาศิณีคิดไม่ทันแม่...เช่นเดียวกับพิแสงที่ไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นหลานสาวของธรรมศักดิ์ และเจตนามาที่นี่ก็ไม่ใช่เหตุบังเอิญ “มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ มีเหตุผล”

0 comments:

Post a Comment

Note: only a member of this blog may post a comment.

Followers